ปัจจุบันสื่อการสอนมีอยู่หลากหลายรูปแบบหลากหลายประเภท การเลือกสื่อการสอนมีความสำคัญมากต่อกระบวนการเรียนการสอน
อย่างไรก็ตามในการเลือกสื่อการสอนพึงระลึกไว้เสมอว่า “ไม่มีสื่อการสอนอันใดที่ใช้ได้ดีที่สุดในทุกสถานการณ์”
ในการตัดสินใจเลือกใช้สื่อการสอนต้องพิจารณาถึงปัจจัยหลายๆ
อย่างร่วมกัน ผู้ใช้สื่อไม่ควรยกเอาความสะดวก ความถนัด
หรือความพอใจส่วนตัวเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกสื่อการสอน เพราะอาจเกิดผลเสียต่อกระบวนการเรียนการสอนได้
แนวคิดเกี่ยวกับการเลือกสื่อการสอนก็เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่มีผู้ให้ความสนใจและให้คำแนะนำไว้หลากหลายมุมมอง
ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
แนวคิดการเลือกสื่อการสอนของโรมิสซอว์สกี้
Romiszowski (1999) ได้เสนอแนวทางอย่างง่ายในการพิจารณาเลือกใช้สื่อการสอนไว้ว่า
ในการเลือกสื่อการสอนนั้นมีปัจจัยหลายอย่างที่มีผลต่อการเลือกสื่อที่จำเป็นต้องนำมาพิจารณา
ปัจจัยเหล่านั้น ได้แก่
1.วิธีการสอน (Instructional Method) การเลือกวิธีการสอนเป็นปัจจัยแรกที่ควบคุมการเลือกสื่อ
หรืออย่างน้อยที่สุดก็เป็นสิ่งที่จำกัดทางเลือกของการใช้สื่อการสอนในการนำเสนอ
เช่น ถ้าเลือกใช้วิธีการสอนแบบอภิปรายกลุ่ม (Group Discussion) เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ซึ่งกันและกันระหว่าง
2.งานการเรียนรู้ (Learning Task) สิ่งที่มีอิทธิพลต่อทางเลือกในการเลือกสื่อการสอนอีกประการหนึ่งคือ
งานการเรียนรู้สำหรับผู้เรียน
เพราะสิ่งนี้จะเป็นสิ่งที่จำกัดหรือควบคุมการเลือกวิธีการสอน ตัวอย่างเช่น
การฝึกอบรมผู้ตรวจการ หรือทักษะการบริหารงาน
3.ลักษณะของผู้เรียน (Learner Characteristics) ลักษณะพิเศษเฉพาะของผู้เรียนก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่มีอิทธิพลโดยตรงต่อการเลือกสื่อการสอน
ตัวอย่างเช่น การสอนผู้เรียนที่เรียนรู้ได้ช้า
โดยการใช้หนังสือหรือเอกสารเป็นสื่อการสอน จะเป็นสิ่งที่ยิ่งทำให้เกิดปัญหาอื่นๆ
ตามมาในกระบวนการเรียนการสอน ผู้เรียนกลุ่มนี้ควรเรียนรู้จากสื่ออื่นๆ
ที่ทำการรับรู้และเรียนรู้ได้ง่ายกว่านั้น
4.ข้อจำกัดในทางปฏิบัติ (Practical Constrain) ข้อจำกัดในทางปฏิบัติในที่นี้หมายถึง
ข้อจำกัดทั้งทางด้านการจัดการ และทางด้านเศรษฐศาสตร์
ซึ่งเป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อทางเลือกในการเลือกใช้วิธีการสอนและสื่อการสอน เช่น
สถานที่ใช้สื่อการสอน สิ่งอำนวยความสะดวก ขนาดพื้นที่ งบประมาณ เป็นต้น
5.ผู้สอนหรือครู (Teacher) สื่อการสอนแต่ละชนิดไม่ว่าจะมีข้อดีอย่างไร
แต่อาจไม่ถูกนำไปใช้เพียงเพราะผู้สอนไม่มีทักษะในการใช้สื่อนั้นๆ
นอกจากประเด็นในเรื่องทักษะของผู้สอนแล้ว
ประเด็นในเรื่องทัศนคติของผู้สอนก็เป็นสิ่งที่มีอิทธิพลต่อการเลือกสื่อการสอนเช่นกัน
แนวคิดการเลือกสื่อการสอนของเคมพ์และสเมลไล
Jerrold
E. Kemp และ Don C. Smelle (1989) เสนอว่า
นอกจากงานการเรียนรู้หรือสถานการณ์การเรียนรู้ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่กำหนดถึงสื่อที่จะเลือกใช้แล้ว
สิ่งสำคัญประการต่อมาในการพิจารณาเลือกใช้สื่อการสอนคือ คุณลักษณะของสื่อ
ซึ่งผู้สอนควรศึกษาคุณลักษณะของสื่อแต่ละชนิดประกอบในการเลือกสื่อการสอนด้วย
คุณลักษณะของสื่อ (Media Attributes) หมายถึง
ศักยภาพของสื่อในการแสดงออกซึ่งลักษณะต่างๆ เช่น การเคลื่อนไหว สี และเสียง
เป็นต้น
คุณลักษณะของสื่อที่สำคัญ ได้แก่
1.การแสดงแทนด้วยภาพ เช่น ภาพถ่าย ภาพกราฟิก
2.ปัจจัยทางด้านขนาด เช่น
การใช้/ไม่ใช้เครื่องฉายเพื่อขยายขนาด
3.ปัจจัยทางด้านสี เช่น สีสันต่างๆ ขาว-ดำ
4.ปัจจัยทางด้านการเคลื่อนไหว เช่น ภาพนิ่ง
ภาพเคลื่อนไหว
5.ปัจจัยทางด้านภาษา เช่น ข้อความ/ตัวอักษร
เสียงพูด
6.ความสัมพันธ์ของภาพและเสียง เช่น
ภาพที่มี/ไม่มีเสียงประกอบ
7.ปัจจัยทางด้านการจัดระเบียบข้อมูล
กำหนดให้ดูทีละภาพตามลำดับ หรือตามลำดับที่ผู้ชมเลือก
หลักการเลือกสื่อ
1.เลือกสื่อการสอนที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์การเรียนรู้
ผู้สอนควรศึกษาถึงวัตถุประสงค์การเรียนรู้ที่หลักสูตรกำหนดไว้
วัตถุประสงค์ในที่นี้หมายถึงวัตถุประสงค์เฉพาะในแต่ละส่วนของเนื้อหาย่อย
ไม่ใช่วัตถุประสงค์ในภาพรวมของหลักสูตร
2.เลือกสื่อการสอนที่ตรงกับลักษณะของเนื้อหาของบทเรียน
เนื้อหาของบทเรียนอาจมีลักษณะแตกต่างกันไป เช่น เป็นข้อความ
เป็นแนวคิด เป็นภาพนิ่งภาพเคลื่อนไหว เป็นเสียง เป็นสี
ซึ่งการเลือกสื่อการสอนควรเลือกให้เหมาะสมกับลักษณะของเนื้อหา
3.เลือกสื่อการสอนให้เหมาะสมกับลักษณะของผู้เรียน
ลักษณะเฉพาะตัวต่างๆ
ของผู้เรียนเป็นสิ่งที่มีอิทธิพลต่อการรับรู้สื่อการสอน
ในการเลือกสื่อการสอนต้องพิจารณาลักษณะต่างๆ ของผู้เรียน เช่น อายุ เพศ ความถนัด
ความสนใจ ระดับสติปัญญา วัฒนธรรม และประสบการณ์เดิม ตัวอย่างเช่น
การสอนผู้เรียนที่เป็นนักเรียนระดับประถมศึกษาควรใช้เป็นภาพการ์ตูนมีสีสันสดใส
4.เลือกสื่อการสอนให้เหมาะสมกับจำนวนของผู้เรียน
และกิจกรรมการเรียนการสอน ในการสอนแต่ละครั้งจำนวนของผู้เรียนและกิจกรรมที่ใช้ในการเรียนสอน
ในห้องก็เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องนำมาพิจารณาควบคู่กันในการใช้สื่อการสอน เช่น
การสอนผู้เรียนจำนวนมาก จำเป็นต้องใช้วิธีการสอนแบบบรรยาย
ซึ่งสื่อการสอนที่นำมาใช้อาจเป็นเครื่องฉายต่าง ๆ และเครื่องเสียง
เพื่อให้ผู้เรียนมองเห็นและได้ยินอย่างทั่วถึง ส่วนการสอนผู้เรียนเป็นรายบุคคล
อาจเลือกใช้วิธีการสอนแบบค้นคว้า สื่อการสอนอาจเป็นหนังสือบทเรียนแบบโปรแกรม
หรือบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เป็นต้น
5.เลือกสื่อการสอนที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม
สภาพแวดล้อมในที่นี้อาจได้แก่ อาคาร สถานที่ ขนาดพื้นที่ แสง ไฟฟ้า
เสียงรบกวน อุปกรณ์อำนวยความสะดวก หรือ บรรยากาศ
สิ่งเหล่านี้ควรนำมาประกอบการพิจารณาเลือกใช้สื่อการสอน ตัวอย่างเช่นการสอนผู้เรียนจำนวนมากซึ่งควรจะใช้เครื่องฉายและเครื่องเสียง
6.เลือกสื่อการสอนที่มีลักษณะน่าสนใจและดึงดูดความสนใจ
ควรเลือกใช้สื่อการสอนที่มีลักษณะน่าสนใจและดึงดูดความสนใจผู้เรียนได้
ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องของ เสียง สีสัน รูปทรง ขนาด
ตลอดจนการออกแบบและการผลิตด้วยความประณีต
สิ่งเหล่านี้จะช่วยทำให้สื่อการสอนมีความน่าสนใจและดึงดูดความสนใจของผู้เรียนได้
7.เลือกสื่อการสอนที่มีวิธีการใช้งาน เก็บรักษา
และบำรุงรักษาได้สะดวก ในประเด็นสุดท้ายของการพิจารณา
ควรเลือกสื่อการสอนที่มีวิธีการใช้งานได้สะดวก ไม่ยุ่งยาก
และหลังใช้งานควรเก็บรักษาได้ง่ายๆ ตลอดจนไม่ต้องใช้วิธีการบำรุงรักษาที่สลับซับซ้อนหรือมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาสูง
หลักการใช้สื่อการสอน
1.เตรียมตัวผู้สอน
เป็นการเตรียมความพร้อมของตัวผู้สอนในการใช้สื่อการสอน
โดยการทำความเข้าใจในเนื้อหาที่มีในสื่อ ขั้นตอน และวิธีการใช้สื่อ เป็นต้น
2.เตรียมจัดสภาพแวดล้อม เช่น สถานที่
ห้องเรียน ห้อง Lab วัสดุอุปกรณ์ เครื่องไม้เครื่องมือ
และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ
3.เตรียมตัวผู้เรียน
เพื่อให้มีความพร้อมที่จะเรียน อาจมีการทดสอบ มีการอธิบายวิธีการใช้สื่อ
อุปกรณ์ เครื่องมือต่างๆบอกวัตถุประสงค์
แนะนำหรือให้ความคิดรวบยอดของเนื้อหาในสื่อนั้นๆ เป็นต้น
4.การใช้สื่อให้เหมาะกับขั้นตอนและวิธีการตามที่ได้เตรียมไว้แล้ว
และควบคุมการนำเสนอสื่อ เพื่อให้การเรียนการสอนเป็นไปอย่างราบรื่น
5.การติดตามผล ( Follow Up ) หลังจากการใช้สื่อการสอนแล้ว ควรมีการติดตามผลเพื่อเป็นการทดสอบว่า
ผู้เรียนเข้าใจบทเรียน และเรียนรู้ จากสื่อที่นำเสนอไปนั้นอย่างถูกต้องหรือไม่
เช่น การให้ผู้เรียนตอบคำถาม อภิปราย ทำรายงาน เป็นต้น
เพื่อผู้สอนจะได้ทราบจุดบกพร่อง สามารถ นำมาแก้ไขปรับปรุงสำหรับการสอนในครั้งต่อไป
ขั้นตอนการใช้สื่อการสอน
1.ขั้นนำเข้าสู่บทเรียนเพื่อกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดความสนใจในเนื้อหาที่กำลังจะเรียนนั้น
สื่อที่ใช้ในขั้นนี้จึงเป็นสื่อที่แสดงเนื้อหากว้างๆหรือเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการเรียนในครั้งก่อน
ยังมิใช่สื่อที่เน้นเนื้อหาเจาะลึกอย่างแท้จริง
และควรเป็นสื่อที่ง่ายต่อการนำเสนอในระยะเวลาอันสั้น เช่น ภาพ บัตรคำ เป็นต้น
2.ขั้นดำเนินการสอนหรือประกอบกิจกรรมการเรียน
เป็นขั้นที่จะให้ความรู้ เนื้อหาอย่างละเอียดเพื่อสนองวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้
ผู้สอนควรเลือกสื่อให้ตรงกับเนื้อหา และวิธีการสอน
ต้องมีการจัดลำดับขั้นตอนการใช้สื่อให้เหมาะและสอดคล้องกับกิจกรรมการเรียน
การใช้สื่อในขั้นนี้จะต้องเป็นสื่อที่เสนอความรู้อย่างละเอียดถูกต้องและชัดเจนแก่ผู้เรียน
เช่น สไลด์ แผนภูมิ วีดีทัศน์ เป็นต้น
3.ขั้นวิเคราะห์และฝึกปฏิบัติ
เป็นการเพิ่มพูนประสบการณ์ตรงแก่ผู้เรียน
เพื่อให้ผู้เรียนได้ทดลองนำความรู้ที่เรียนมาแล้วไปใช้แก้ปัญหาในขั้นฝึกหัดโดยการลงมือฝึกปฏิบัติเองสื่อในขั้นนี้จึงเป็นสื่อที่เป็นประเด็นปัญหาให้ผู้เรียนได้ขบคิดโดยผู้เรียนเป็นผู้ใช้สื่อเองมากที่สุด
เช่น ภาพ บัตรปัญหา สมุด แบบฝึกหัด เป็นต้น
4.ขั้นสรุปบทเรียน
เป็นการย้ำเนื้อหาบทเรียนให้ผู้เรียนมีความเข้าใจที่ถูกต้องและตรงตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้
ขั้นสรุปควรใช้เวลาเพียงสั้นๆ สื่อที่สรุปจึงควรครอบคลุมเนื้อหาสำคัญทั้งหมด เช่น
แผนภูมิ แผ่นโปร่งใส เป็นต้น
5.ขั้นประเมินผู้เรียน
เป็นการทดสอบว่าผู้เรียนเข้าใจในสิ่งที่เรียนไปถูกต้องมากน้อยเพียงใด
และบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้หรือไม่ สื่อในขั้นการประเมินนี้มักจะเป็นคำถามจากเนื้อหาบทเรียนโดยอาจมีภาพประกอบด้วยก็ได้
แนวคิดการเลือกสื่อการสอนของ Carlton
W.H. Erickson
Carlton W.H. Erickson นักวิชาการทางด้านการใช้สื่อ
ยังได้กล่าวถึงเกณฑ์การเลือกสื่อการสอนดังนี้
สื่อการสอนมีประโยชน์ต่อหน่วยการสอนและมีกิจกรรมในการแก้ปัญหาหรือให้ประสบการณ์เฉพาะหรือไม่
1.เนื้อหาวิชาที่จะสื่อความหมายด้วยการใช้สื่อการสอนนี้เป็นประโยชน์และสำคัญแก่นักศึกษาในชุมนุมและสังคมหรือไม่
สื่อการสอนมีความเหมาะสมกับจุดประสงค์ของการสอน
หรือเป้าหมายของผู้เรียนหรือไม่
2.สื่อการสอนช่วยให้มีการตรวจสอบระดับความแตกต่างของจุดประสงค์ของการสอน
ในด้านเกี่ยวกับความรู้ ความเข้าใจ ทัศนคติและทักษะการฝึกปฏิบัติหรือไม่
3.สื่อการสอนช่วยให้นักศึกษาได้คิดตอบสนอง
อภิปรายและศึกษาค้นคว้าหรือไม่
4.สื่อการสอนได้ช่วยแก้ปัญหาในการเรียนเนื้อหา
และช่วยเสริมกิจกรรมนักศึกษาหรือไม่
5.สื่อการสอนช่วยให้การเสนอแนวคิดมีความสัมพันธ์กันหรือไม่
6.สื่อการสอนได้ช่วยในการเสนอเนื้อหาความรู้เกี่ยวกับระดับอุณหภูมิ
น้ำหนัก ความลึก ระยะทาง การกระทำกลิ่น เสียง สี ความมีชีวิตและอารมณ์ได้ดีหรือไม่
7.สื่อการสอนมีความแน่นอนและทันสมัยหรือไม่
8.สื่อการสอนสอดคล้องกับจุดประสงค์ของการสอนที่พึงปรารถนาได้หรือไม่
9.สื่อการสอนช่วยให้แสดงถึงรสนิยมยินดีหรือไม่
10.สื่อการสอนสามารถใช้ในห้องเรียนธรรมดาได้หรือไม่
ความรู้ในเนื้อหาในสื่อการสอนมีตัวอย่างมากพอหรือไม่
1.รูปแบบของขบวนการเรียนการสอน (Types of Learning)
2.ระดับของประสิทธิภาพของสื่อ
(Degrees of Proficiency)
3.ประเภทของสื่อ
(Types of Media)
4.ราคาในการผลิต
(Production Cost) 5. การเลือกสื่อให้สัมพันธ์กับรูปแบบการเรียน
(Learning Type-Media Matches)
สรุปจากทฤษฎีแนวคิดข้างต้นสามารถสรุปได้ว่าในการเลือกสื่อการสอน
ผู้สอนจะต้องตั้งวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรมในการเรียนให้แน่นอนก่อน
เพื่อใช้วัตถุประสงค์นั้นเป็นตัวชี้นำในการเลือกสื่อการสอนที่เหมาะสม
นอกจากนี้ยังมีหลักการอื่น ๆ ที่ใช้ในการประกอบการพิจารณา เช่น
1.สื่อนั้นต้องสัมพันธ์กับเนื้อหาบทเรียนและจุดมุ่งหมายที่จะสอน
2.เลือกสื่อที่มีเนื้อหาถูกต้อง
ทันสมัย น่าสนใจและเป็นสื่อที่จะให้ผลต่อการเรียนการสอนมากที่สุดช่วยให้ผู้เรียน
เข้าใจเนื้อหาวิชานั้นได้ดี เป็นลำดับขั้นตอน
3.เป็นสื่อที่เหมาะสมกับวัย
ระดับชั้น ความรู้และประสบการณ์ของผู้เรียน
4. สื่อนั้นควรสะดวกในการใช้ มีวิธีใช้ไม่ซับซ้อนยุ่งยากจนเกินไป
5.ต้องเป็นสื่อที่มีคุณภาพเทคนิคการผลิตสื่อที่ดี
มีความชัดเจนและเป็นจริง
6. มีราคาไม่แพงจนเกินไป หรือถ้าจะผลิตเองต้องคุ้มกับเวลาและการลงทุน
นอกจากนี้แล้วการจะเลือกสื่อมาใช้ในการเรียนการสอนอย่างมีประสิทธิภาพนั้น
ผู้สอนจะต้องมีความรู้ ความสามารถและทักษะในเรื่องต่าง ๆ ดังนี้
1.วัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรมและจุดมุ่งหมายในการเรียนการสอน
2.จุดมุ่งหมายในการนำสื่อมาใช้
เช่น ประกอบหรือร่วมในกิจกรรมการเรียนการสอนใช้นำเข้าสู่บทเรียนใช้ในการประกอบคำอธิบาย
3.ต้องเข้าใจลักษณะของเฉพาะของสื่อแต่ละชนิดว่าสามารถเร้าความสนใจ
และให้ความหมายต่อประสบการณ์การเรียนรู้แก่นักเรียนได้อย่างไรบ้าง เช่น
หนังสือเรียนและสื่อสิ่งพิมพ์ ใช้เพื่อเป็นความรู้พื้นฐานและอ้างอิงของจริงและของจำลอง
4.ต้องมีความรู้เกี่ยวกับแหล่งของสื่อการเรียนการสอนทั้งภายในและภายนอกสถาบันการศึกษา
โดยมีหลักในการเลือกสื่อการสอนเพื่อใช้ในการเรียนการสอน
ทำให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้มากที่สุด
จำเป็นจะต้องมีจุดประสงค์ในการเลือกสื่อการสอนที่เหมาะสม ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้
หลักการเลือกสื่อการสอน
1.สื่อนั้นต้องสัมพันธ์กับเนื้อหาบทเรียนและจุดมุ่งหมายที่จะสอน
2.เลือกสื่อที่มีเนื้อหาถูกต้อง
ทันสมัย น่าสนใจ และเป็นสื่อที่จะให้ผลต่อการเรียนการสอนมากที่สุด
ช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจเนื้อหาวิชานั้นได้ดี เป็นลำดับขั้นตอน
3.เป็นสื่อที่เหมาะสมกับวัย
ระดับชั้น ความรู้ และประสบการณ์ของผู้เรียน
4.สื่อนั้นควรสะดวกในการใช้
มีวิธีใช้ไม่ซับซ้อนยุ่งยากจนเกินไป
5.ต้องเป็นสื่อที่มีคุณภาพเทคนิคการผลิตที่ดี
มีความชัดเจน และเป็นจริง
6.มีราคาไม่แพงจนเกินไป
หรือถ้าจะผลิตเองควรคุ้มกับเวลา และการลงทุน
หลักการใช้สื่อการสอน
1.เตรียมตัวผู้สอน
เป็นการเตรียมความพร้อมของตัวผู้สอนในการใช้สื่อการสอน
โดยการทำความเข้าใจในเนื้อหาที่มีในสื่อ ขั้นตอน และวิธีการใช้สื่อ เป็นต้น
2.เตรียมจัดสภาพแวดล้อม
เช่น สถานที่ ห้องเรียน ห้อง Lab วัสดุอุปกรณ์ เครื่องไม้เครื่องมือ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ
3.เตรียมตัวผู้เรียน
เพื่อให้มีความพร้อมที่จะเรียน อาจมีการทดสอบ มีการอธิบายวิธีการใช้สื่อ อุปกรณ์ เครื่องมือต่างๆบอกวัตถุประสงค์
แนะนำหรือให้ความคิดรวบยอดของเนื้อหาในสื่อนั้นๆ เป็นต้น
4.การใช้สื่อให้เหมาะกับขั้นตอนและวิธีการ
ตามที่ได้เตรียมไว้แล้ว และควบคุมการนำเสนอสื่อ
เพื่อให้การเรียนการสอนเป็นไปอย่างราบรื่น
5.การติดตามผล
( Follow Up ) หลังจากการใช้สื่อการสอนแล้ว
ควรมีการติดตามผลเพื่อเป็นการทดสอบว่า ผู้เรียนเข้าใจบทเรียน และเรียนรู้
จากสื่อที่นำเสนอไปนั้นอย่างถูกต้องหรือไม่ เช่น การให้ผู้เรียนตอบคำถาม อภิปราย
ทำรายงาน เป็นต้น เพื่อผู้สอนจะได้ทราบจุดบกพร่อง
สามารถ นำมาแก้ไขปรับปรุงสำหรับการสอนในครั้งต่อไป
ขั้นตอนการใช้สื่อการสอน
การใช้สื่อการสอนนั้นอาจจะใช้เฉพาะขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่งของการสอน
หรือจะใช้ทุกขั้นตอนก็ได้ ดังนี้
1.ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน
เพื่อกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดความสนใจในเนื้อหาที่กำลังจะเรียนนั้น สื่อที่ใช้ในขั้นนี้จึงเป็นสื่อที่แสดงเนื้อหากว้างๆ
หรือเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการเรียนในครั้งก่อน ยังมิใช่สื่อที่เน้นเนื้อหาเจาะลึกอย่างแท้จริง
และควรเป็นสื่อที่ง่ายต่อการนำเสนอในระยะเวลาอันสั้น เช่น ภาพ บัตรคำ เป็นต้น
2.ขั้นดำเนินการสอนหรือประกอบกิจกรรมการเรียน เป็นขั้นที่จะให้ความรู้
เนื้อหาอย่างละเอียดเพื่อสนองวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้
ผู้สอนควรเลือกสื่อให้ตรงกับเนื้อหา และวิธีการสอน
ต้องมีการจัดลำดับขั้นตอนการใช้สื่อให้เหมาะและสอดคล้องกับกิจกรรมการเรียน
การใช้สื่อในขั้นนี้
จะต้องเป็นสื่อที่เสนอความรู้อย่างละเอียดถูกต้องและชัดเจนแก่ผู้เรียน เช่น สไลด์
แผนภูมิ วีดิทัศน์ เป็นต้น
3.ขั้นวิเคราะห์และฝึกปฏิบัติ เป็นการเพิ่มพูนประสบการณ์ตรงแก่
ผู้เรียน
เพื่อให้ผู้เรียนได้ทดลองนำความรู้ที่เรียนมาแล้วไปใช้แก้ปัญหาในขั้นฝึกหัด
โดยการลงมือ ฝึกปฏิบัติเอง
สื่อในขั้นนี้จึงเป็นสื่อที่เป็นประเด็นปัญหาให้ผู้เรียนได้ขบคิด
โดยผู้เรียนเป็นผู้ใช้สื่อเองมากที่สุด เช่น ภาพ บัตรปัญหา สมุดแบบฝึกหัด เป็นต้น
4.ขั้นสรุปบทเรียน เป็นการย้ำเนื้อหาบทเรียนให้ผู้เรียนมีความเข้าใจ
ที่ถูกต้อง และตรงตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้
ขั้นสรุปควรใช้เวลาเพียงสั้นๆ สื่อที่สรุปจึงควร ครอบคลุมเนื้อหาสำคัญทั้งหมด
เช่น แผนภูมิ แผ่นโปร่งใส เป็นต้น
5.ขั้นประเมินผู้เรียน เป็นการทดสอบว่าผู้เรียนเข้าใจในสิ่งที่เรียนไปถูกต้องมากน้อยเพียงใด
และบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้หรือไม่
สื่อในขั้นการประเมินนี้มักจะเป็นคำถามจากเนื้อหาบทเรียนโดยอาจมีภาพประกอบด้วยก็ได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น